โรคหรืออาการต้องห้ามขับรถเด็ดขาด เช็กด่วนก่อนสาย

รถยนต์ เปรียบเสมือนเพื่อนคู่ใจที่คอยพาทุกท่านออกเดินทางได้ทุกที่ตามต้องการ แถมมีความสะดวกสบายและมีความเป็นส่วนตัวอีกด้วย แต่ก็จะต้องแลกมากับโอกาสสูงมากๆ ที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ง่าย ไม่ว่าจะเกิดจากความประมาทของตัวเราเองหรือเกิดจากความประมาทของเพื่อนร่วมทาง ก็รวมเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ทั้งนั้น นอกจากนี้แล้วก็อาจจะเกิดจากปัญหาสุขภาพของตัวเราเองที่ไม่สามารถควบคุมรถได้ ตามไปดูกันเลยว่ามีโรคหรืออาการอะไรบ้างที่ต้องห้ามขับรถ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

• โรคลมชัก

เมื่อหลายคนมีความสงสัยว่า โรคลมชัก สามารถที่จะขับรถเสมือนคนปกติได้หรือไม่ คำตอบเลยก็คือ ไม่ได้ เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคลมชัก เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าเซลล์สมอง ขณะขับรถหากมีสิ่งใดที่ไปเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดความเครียด ก็จะทำให้ผู้ป่วยพบเจอกับอาการชักเกร็ง จนไม่สามารถที่จะควบคุมตนเองได้ ซึ่งแน่นอนว่ามีความเสี่ยงมากๆ ที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชน

• อาการหลงลืม

อาการหลงลืมส่วนใหญ่แล้วมักจะพบเห็นในผู้สูงอายุ ซึ่งแน่นอนเลยว่าอาการหลงลืมนี้เป็นอาการต้องห้ามขับรถเด็ดขาด เพราะอาการหลงลืมมีส่วนที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจขณะขับรถ อาทิ ไม่รู้จะขับไปทางไหนต่อดี ไม่รู้จะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อผู้ป่วยเกิดความลังเลแบบนี้ก็มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ อาทิ ต้องการที่จะเลี้ยวขวาแต่ไปเปิดไฟเลี้ยวซ้ายจนทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนท่านอื่นเกิดความสับสนก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนท้ายได้

• โรคหัวใจ

เมืองไทย ดินแดนแห่งรถติด จึงต้องห้ามให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขับรถเด็ดขาด เพราะเมื่อรถติดเป็นระยะเวลานานๆ จะทำให้ผู้ขับขี่ที่เป็นโรคหัวใจเกิดความเครียดความกดดันสะสมในตนเอง หรือเมื่อมีรถยนต์คันอื่นขับปาดหน้าก็อาจจะทำให้ผู้ป่วยเลี้ยวหักแบบกะทันหันจนอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนเสาไฟฟ้าได้ เมื่อผู้ป่วยพบเจอกับอาการตกใจแบบเฉียบพลันก็อาจจะส่งผลให้โรคหัวใจกำเริบอีกด้วย ดังนั้นจึงทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจเป็นโรคที่ต้องห้ามขับรถ

•  โรคพาร์กินสัน

สำหรับโรคพาร์กินสัน เรียกได้ว่าเป็นโรคที่ผู้ขับขี่มักจะเกิดอุบัติเหตุบ่อยที่สุดเลยทีเดียว ซึ่งโรคพาร์กินสันก็เกิดขึ้นจากความเสื่อมของสมองส่วนกลางรวมไปถึงระบบประสาท อาการเด่นชัดที่มักจะพบได้บ่อยเลยก็คือ อาการสั่น อาการเกร็ง รวมไปถึงมีระบบเคลื่อนไหวที่ช้า ซึ่งแน่นอนว่าอาการเหล่านี้จะทำให้สมรรถภาพของการขับขี่รถยนต์ก็ลดลงไปด้วย อาทิ ไม่สามารถบังคับพวงมาลัยให้มั่นคงได้ หรือสำหรับผู้ที่เป็นโรคพาร์กินสันระดับรุนแรงก็อาจจะทำให้เกิดภาพหลอนระหว่างขับรถ