
ผู้สูงอายุนอนไม่หลับคืออาการที่จำเป็นต้องดูแลและใส่ใจ
รู้หรือไม่ว่าในไทยมีผู้สูงอายุนอนไม่หลับถึง 50% อาการนอนไม่หลับผู้สูงอายุจึงไม่ได้เป็นเรื่องที่ควรมองข้ามหรือปล่อยผ่านได้อีกต่อไป เพราะการนอนไม่หลับ ผู้สูงอายุอาจจะกลายเป็นสิ่งที่สร้างปัญหาเรื้อรังตามมาได้นั่นเอง
เมื่อพบว่าผู้สูงอายุนอนไม่หลับเราจึงควรดูแลและใส่ใจผู้สูงอายุให้มากกว่าเดิม เพราะการดูแลที่ถูกวิธีจะช่วยบรรเทาให้ผู้สูงอายุนอนไม่หลับลดน้อยลง โดยอาการนอนไม่หลับในผู้สูงอายุนั้น จะเป็นอาการนอนหลับได้น้อยลง หลับยากขึ้น หรือหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดเวลา ซึ่งสาเหตุของอาการเหล่านี้เกิดจากอะไรบ้าง? ไปดูกัน
- พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
- ผลข้างเคียงจากการกินยา
- ปัญหาสุขภาพจิต
- ความเจ็บป่วย
- การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
- สภาพแวดล้อมในห้องนอน
จะเห็นได้ว่าการที่ผู้สูงอายุนอนไม่หลับนั้น เกิดได้จากหลากหลายสาเหตุทั้งภายในร่างกายและภายนอกร่างกาย ซึ่งเราจำเป็นจะต้องใส่ใจและดูแลผู้สูงอายุให้มากขึ้น เพื่อให้อาการนอนไม่หลับของผู้สูงอายุลดลงและสามารถนอนหลับยาวได้ตลอดทั้งคืน
วิธีแก้อาการผู้สูงอายุนอนไม่หลับ
ถ้าเราสังเกตเห็นแล้วว่าผู้สูงอายุนอนไม่หลับหรือมีอาการตามที่เราได้บอกไปในข้างต้น เราก็จะต้องเริ่มปรับพฤติกรรมของผู้สูงอายุให้สามารถลดอาการนอนไม่หลับผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีแก้อาการผู้สูงอายุนอนไม่หลับจะมีอะไรบ้าง? ไปดูกัน
- กินอาหารที่มีประโยชน์
- ไม่ดื่มน้ำก่อนนอน
- ไม่ซื้อยามากินเอง
- กำหนดเวลาเข้านอนและเวลาตื่น
- ออกกำลังสม่ำเสมอ
กินอาหารที่มีประโยชน์
เราสามารถดูแลให้ผู้สูงอายุมีอาการนอนไม่หลับลดลงได้จากการให้ผู้สูงกินอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน และงดการสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องที่มีแอลกอฮอล์ รวมถึงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนด้วย ซึ่งการกินอาหารที่มีประโยชน์นั้น จะทำให้ร่างกายของผู้สูงอายุได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และที่สำคัญผู้สูงอายุควรจะกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เพื่อให้ระบบย่อยทำงานได้ดีและไม่เกิดอาการท้องผูกที่อาจทำให้นอนหลับได้ไม่ดีนั่นเอง
ไม่ดื่มน้ำก่อนนอน
อาการนอนไม่หลับผู้สูงอายุลดลงได้เพียงแค่หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำก่อนเข้านอน เพราะการดื่มน้ำปริมาณมาก ๆ ก่อนเข้านอนจะทำให้ปวดปัสสาวะตอนกลางดึก และส่งผลให้การนอนหลับไม่ต่อเนื่อง จนอาจกลายเป็นอาการนอนไม่หลับได้
ไม่ซื้อยามากินเอง
เรามักจะเห็นอยู่บ่อย ๆ ว่าคนสูงวัยมักจะซื้อยากินเองอยู่บ่อย ๆ ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้อาจจะนำไปสู่อาการผู้สูงอายุนอนไม่หลับได้ เพราะยาบางชนิดก็อาจจะออกฤทธิ์สารตกค้างในร่างกายนานกว่าปกติและอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นเราจึงควรดูแลให้ผู้สูงอายุปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเมื่อมีอาการป่วย เพื่อให้แพทย์จ่ายยาที่เหมาะสมมาให้นั่นเอง
กำหนดเวลาเข้านอนและเวลาตื่น
การกำหนดเวลาเข้านอนและเวลาตื่นคืออีกหนึ่งทางเลือกในการลดอาการนอนไม่หลับในผู้สูงอายุ และหากสามารถทำได้เป็นประจำร่างกายของผู้สูงอายุก็จะเริ่มชินกับเวลานอนและเวลาตื่นตามที่กำหนดไว้ จนทำให้นอนหลับตามเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญจะต้องหลีกเลี่ยงการนอนกลางวันหลัง 15.00 น. เป็นต้นไปด้วย
ออกกำลังสม่ำเสมอ
การทำกิจกรรมอย่างการกำลังกายนั้น จะทำให้ร่างกายของผู้สูงอายุได้ออกแรงและเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสม และการออกกำลังกายยังสามารถกระตุ้นให้ผู้สูงอายุไม่ง่วงหรืองดการนอนกลางวันได้อีกด้วย ซึ่งการออกกำลังกายที่เหมาะกับผู้สูงอายุมีดังนี้
- การเดินเล่น
- การวิ่งเหยาะ ๆ
- การเต้นแอโรบิก
- การรำมวยจีน
- การเล่นโยคะ
เรียกได้ว่าแค่เราสามารถดูแลผู้สูงอายุได้ดี ก็จะทำให้ผู้สูงอายุนอนไม่หลับน้อยลง แถมยังทำให้อาการนอนไม่หลับผู้สูงอายุดีขึ้น ส่งผลให้สุขภาพกายและสุขภาพใจของผู้สูงอายุได้รับสิ่งดี ๆ และทำให้การนอนไม่หลับผู้สูงอายุหายไปได้ในที่สุด