รู้ทันข้อมูลตัวเลขไข้เลือดออกไว้ ป้องกันได้ ปลอดภัยกว่า |
|
อ้างอิง
อ่าน 52 ครั้ง / ตอบ 0 ครั้ง
|
|
ในช่วงวิกฤตโควิด-19 เราต่างเรียนรู้การดูตัวเลขสำคัญเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคเป็นอย่างดี เพราะตัวเลขเหล่านี้สามารถบอกได้ถึง พื้นที่เฝ้าระวังพิเศษที่มีจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่มาก หรือแม้กระทั่งจำนวนผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ตัวเลขผู้ที่รักษาหาย ไปจนถึงตัวเลขการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทำให้เราสามารถเฝ้าระวังและเพิ่มมาตรการการดูแลตัวเองอย่างเข้มงวดมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้วิกฤตโควิดจะคลี่คลายและประกาศให้กลายเป็นโรคประจำถิ่นไปแล้ว แต่ก็ยังมีโรคอื่นที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน และมีชุดข้อมูลที่น่าสนใจอย่างตัวเลขไข้เลือดออก ที่เราต้องเฝ้าระวังทั้งต่อตัวเองและคนที่เรารักอย่างกวดขันเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าฝนนี้ ลองไปดูตัวอย่างชุดข้อมูลตัวเลขไข้เลือดออกกัน

ลองมารู้จักไข้เลือดออกกันซักนิด
โรคไข้เลือดออก (Dengue Hemorrhagic Fever) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue Virus) มียุงลายเป็นพาหะนำโรค พบได้ในประเทศไทยและประเทศเขตร้อน มีช่วงการระบาดในฤดูฝนของทุกปี โดยใครที่เคยเป็นโรคไข้เลือดออกแล้วสามารถเป็นซ้ำได้อีก เพราะไวรัสเดงกีนั้นมีหลายสายพันธุ์
อาการของโรคไข้เลือดออก อาจมีตั้งแต่ไม่มีอาการเลย ไปจนถึงมีไข้สูงเฉียบพลันเกิน 38 องศาเซลเซียส มีอาการปวดศีรษะและกระบอกตา ปวดเมื่อยตามตัว ตามข้อ หรือกระดูก ตลอดจนมีผื่นขึ้นคล้ายโรคหัด มีคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อาจพบจ้ำหรือจุดเลือดออกสีแดงเล็ก ๆ ตามผิวหนัง หรือมีเลือดออกบริเวณอื่น เช่น เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล มีเลือดปนในปัสสาวะอุจจาระ มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง บางคนหลังจากไข้สูง 7 วัน ไข้จะเริ่มลดลง และหายเป็นปกติภายใน 3 วัน แต่ในรายที่อาการรุนแรงมากอาจเกิดการช็อกได้ เพราะระบบการไหวเวียนเลือดล้มเหลว ความดันลดต่ำ วัดชีพจรไม่ได้ และอาจเสียชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาทันที
ข้อมูลตัวเลขไข้เลือดออกที่น่าสนใจ
ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลตัวเลขไข้เลือดออกเพื่อเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ของโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระบาดของโรคอย่างหน้าฝนนี้ โดยสามารถดูได้ว่าเรากำลังอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดหนักหรือไม่ ตลอดจนมีตัวเลขช่วงอายุของผู้ป่วยที่กำลังเป็นโรคนี้ เช่น กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยมากที่สุด คือ 5-14 ปี หรือกลุ่มอายุที่พบอัตราเสียชีวิตมากที่สุด คือ 25-34 ปี เป็นต้น
ข้อมูลเหล่านี้อาจตีความได้ว่า กลุ่มเด็กมักไม่ระมัดระวังในการออกไปเล่นกิจกรรมนอกบ้าน และยังมีภูมิคุ้มกันที่น้อย จึงเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองต้องหมั่นใส่ใจให้มาก ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเครื่องแต่งกาย ติดสติ๊กเกอร์หรืออุปกรณ์กันยุง ทำลายแหล่งเพาะยุงในบริเวณบ้าน ไปจนถึงพาบุตรหลานไปรับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกให้ครบถ้วน
ในขณะเดียวกัน ในกลุ่มคนวัยทำงานกลับพบอัตราการเสียชีวิตมากที่สุด ซึ่งอาจตีความได้ว่า อาจจะเห็นไข้เลือดออกเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่นานก็หายได้เอง จึงไม่ใส่ใจเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี จนเกิดอาการแทรกซ้อนที่ทำให้อาการรุนแรงจนเสียชีวิตนั่นเอง หรืออาจตีความได้อีกว่าไวรัสเดงกีที่กำลังระบาดอยู่นั้น เป็นสายพันธู์ใหม่ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันนั่นเอง
จากข้อมูลและตัวเลขไข้เลือดออกเหล่านี้ จึงอาจกล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ควรให้ความสำคัญกับโรคไข้เลือดออกอย่างจริงจัง ทั้งการป้องกันและควรหมั่นเข้ารับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก เพื่อไม่ให้สายเกินแก้ จนเกิดการสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
|
|
ririhase
[223.27.244.xxx] เมื่อ 7/09/2023 17:10
|