Tips เก็บเนื้อหาเรียนออนไลน์ให้ได้ผล เด็กม.ปลาย ต้องอ่าน!

    แม้จะผ่านช่วงที่ต้องโรงเรียนบังคับเข้าซูม เข้าคลาสออนไลน์กันมาแล้ว แต่หลาย ๆ คนก็ยังต้องเจอกับประสบการณ์เข้าคลาสเสริมด้วยวิธีการเรียนออนไลน์ โดยเฉพาะน้อง ๆ ม.ปลายที่ต้องเตรียมตัวเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย

เพราะสมัยนี้การเรียนการสอนในห้องเองก็ยังไม่เพียงพอที่จะพิชิตการแข่งขันในสนามสอบจริง ทำให้เด็กต้องขวนขวายไปหาคลาสเสริมจากสถาบันภายนอก เพื่อเติมเต็มคลังความรู้ให้พร้อมตะลุยทุกข้อจำกัดที่ต้องก้าวผ่าน แต่ครั้นจะให้ไปเรียนถึงสถาบันในทุก ๆ วัน ร่างกายก็อาจจะไม่ไหวหรือเวลาอาจไม่พอ การเลือกคลาสเรียนออนไลน์หลักสูตรม.ปลายจึงเป็นทางออก ซึ่งวันนี้พี่ก็จะมาบอกทริคง่าย ๆ สำหรับการเก็บเนื้อหาการเรียนออนไลน์ หากน้องม.ปลายคนไหนที่กังวลว่าจะเรียนแล้วไม่สัมฤทธิ์ผล บอกเลยว่าบทคามนี้ช่วยน้องได้แน่นอน

3 ทริคเรียนออนไลน์ น้องม.ปลายใช้ได้ พิชิตข้อสอบได้ชัวร์

• จัดระเบียบการเรียนของตัวเองอยู่เสมอ

    เพราะการลงเรียนออนไลน์สำหรับน้องม.ปลายโดยส่วนมาก คือการบริหารตารางเวลาที่ไม่ลงตัว ให้สามารถยืดหยุ่นและเลือกเรียนได้อย่างสะดวกมากขึ้น แต่หลาย ๆ ครั้งก็อาจจะทำให้เผลอเรอจนขาดระเบียบและวินัยในการกดเข้าไปเรียนคลาสนั้น ๆ และอาจจะลืมติดตามเทปบันทึกจนทำให้การเรียนไม่ได้ผล 

ดังนั้น สิ่งที่ควรทำมากที่สุด คือการจัดระเบียบวินัยของตัวเอง อาทิ จัดตารางเวลา ลงให้ชัดเจนว่าช่วงไหนจะต้องเข้าเรียนอะไร เวลาไหนจะต้องทบทวน และควรมีรายการสิ่งที่ต้องทำ เพื่อ Checklist ตัวเองทุก ๆ ครั้งหลังเรียนจบคลาส ซึ่งวิธีนี้ก็จะช่วยให้น้อง ๆ สามารถเข้าถึงเนื้อหาและเก็บเกี่ยวไปใช้สอบได้จริงอย่างแน่นอน

• คลาสออนไลน์เรียลไทม์ที่ดี คือต้องมีส่วนร่วมให้มากที่สุด

    สำหรับคลาสเรียนออนไลน์ที่ให้น้องม.ปลายจับกลุ่มกันไปเรียน นี่คือการติวแบบตัวต่อตัวที่ได้รับความนิยมและมีโอกาสสูงที่จะได้ผลมากที่สุด แต่ถ้าหากเข้าไปเรียนแบบเฉย ๆ ไร้การมีส่วนร่วม การซักถาม เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ที่ได้รับ ก็อาจจะทำให้น้อง ๆ ไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้อย่างเต็มที่ เมื่อวัดกับคนที่มีประสบการณ์เรียนภายในสถานที่จริง หรือคนที่มีการตอบโต้อยู่เสมอ

• ตัดสิ่งรบกวรให้เหลือน้อยมากที่สุด

    นอกเหนือจากการปรับตัวเชิงพฤติกรรมการเรียนแล้ว สภาพแวดล้อมยังเป็นปัจจัยที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการเรียนออนไลน์สำหรับน้องม.ปลายบางคน อาจจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเร้ารอบตัวอย่าง เสียงรบกวน โทรศัพท์ โซเชียลมีเดีย และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเหล่านี้อาจมาดึงความสนใจจนทำให้สมาธิสั้นลง และไม่อาจจดจ่อหรือรับข้อมูลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง