ปักหมุด 3 เคล็ดลับเลือกซื้อประกันบ้านให้ตอบโจทย์

    การซื้อประกันบ้านถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่คุ้มค่าที่เจ้าของบ้านต้องพิจารณาให้ดี เพราะนอกจากจะเพิ่มความสบายใจให้กับการดูแลบ้านแล้ว การซื้อประกันสำหรับบ้านเอาไว้ยังช่วยบริหารความเสี่ยงและเพิ่มความอุ่นใจให้กับการอยู่อาศัยบ้านไปอีกขั้น

อย่างไรก็ดี ประกันบ้านในท้องตลาดก็มีให้เลือกหลากหลายกรมธรรม์ จนทำให้ใครหลายคนสับสนอยู่ไม่น้อยว่าควรจะเลือกประกันอย่างไรให้ตอบโจทย์บ้านและค่าใช้จ่ายในระยะยาว 

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องการเพิ่มความอุ่นใจให้กับการดูแลบ้านด้วยการซื้อประกันสำหรับบ้าน มาดู 3 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเลือกซื้อประกันที่เหมาะสมกัน

ประเมินความเสี่ยงรอบบ้าน

    หลายคนอาจเข้าใจว่า ประกันบ้านเป็นประกันที่คุ้มครองเฉพาะเหตุไฟไหม้อย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าของบ้านสามารถเลือกทำประกันที่ครอบคลุมถึงความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ไปจนถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นภายในบ้านอย่างไฟฟ้าลัดวงจร หลังคาเสียหายจากพายุฝน ไปจนถึงอุบัติเหตุรถชนส่วนต่าง ๆ ภายในบ้านที่ทำให้ตัวบ้านมีความเสียหายเกิดขึ้น ดังนั้น เพื่อช่วยให้ทุกคนเลือกประกันบ้านที่เหมาะสม ทุกคนจึงควรพิจารณาความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อม อุบัติเหตุที่มักเกิดขึ้น ไปจนถึงภัยธรรมชาติจากรอบด้าน เพื่อเป็นการคุ้มครองค่าใช้จ่ายและเพิ่มความอุ่นใจให้กับการอยู่อาศัยได้อย่างตอบโจทย์

เลือกความคุ้มครองตามความเหมาะสม

    นอกเหนือจากความคุ้มครองพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับตัวบ้านแล้ว เจ้าของบ้านทุกคนยังสามารถเพิ่มความคุ้มครองให้กับประกันบ้านที่สนใจได้ เช่น หากประเมินแล้วว่าพื้นที่อยู่อาศัยมีการโจรกรรมเกิดขึ้นบ่อย เจ้าของบ้านก็สามารถเพิ่มความคุ้มครองในภายหลังได้ หรือ หากประเมินแล้วว่า รอบบริเวณบ้านมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อย หรือ อยู่ในบริเวณที่มีการก่อสร้างขนาดใหญ่ เจ้าของบ้านก็สามารถเพิ่มทุนประกันภัยให้กับประกันบ้านของตัวเองได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี การเพิ่มความคุ้มครอง หรือ ทุนประกันภัยก็มาพร้อมกับค่าเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้น ทำให้เจ้าของบ้านต้องวางแผนทางการเงินให้รอบคอบ

เข้าใจเงื่อนไขเบี้ยประกันที่แตกต่างกัน

    เบี้ยประกันของประกันบ้านขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ ความเสี่ยงรอบบริเวณ ความคุ้มครองที่ต้องการเพิ่ม ไปจนถึงลักษณะการใช้งานของบ้าน โดยบ้านที่มีการใช้งานด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากการอยู่อาศัยก็จะมีความเสี่ยงที่จะเพิ่มความเสียหายให้กับตัวบ้านมากขึ้น เช่น การใช้เป็นร้านอาหาร ร้านค้า หรือ โกดังเก็บของ ก็จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายได้มากกว่าการใช้บ้านเป็นที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว ทำให้มีโอกาสที่เบี้ยประกันก็จะสูงขึ้น หรือ ต้องเปลี่ยนจากการทำประกันบ้านไปเป็นประกันสำหรับร้านค้าแทน

    จบลงไปแล้วกับ 3 เคล็ดลับที่จะช่วยให้ทุกคนซื้อประกันบ้านให้ตอบโจทย์และลงตัวกับความต้องการรอบด้าน อย่าลืมนำทั้ง 3 เคล็ดลับที่นำมาฝากนี้ไปปรับใช้กันด้วยนะ